วช. กรมอนามัย กรมควบคุมมลพิษ ม.เกษตรศาสตร์ และ รพ.พระนั่งเกล้า ร่วมแถลงการนำผลงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์ ความร่วมมือ “นวัตกรรมบำบัดยาปฏิชีวนะในน้ำเสียโรงพยาบาล”
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดงานแถลงข่าว “ความสำเร็จของความร่วมมือในการบำบัดยาปฏิชีวนะในน้ำเสียโรงพยาบาล” โดยมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน ในการนี้ได้รับเกียรติจาก แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย นายแพทย์สกล สุขพรหม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ดร.ชานัน ติรณะรัตน์ ผู้อำนวยการกองจัดการคุณภาพน้ำ กรมควบคุมมลพิษ และศาสตราจารย์ ดร.วันชัย ยอดสุดใจ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เข้าร่วมงานแถลงข่าว พร้อมด้วยคณะนักวิจัย นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พีรกานติ์ บรรเจิดกิจ คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นำเสนอผลสำเร็จของโครงการวิจัยและนวัตกรรม ของระบบบำบัดยาปฏิชีวนะในน้ำเสียโรงพยาบาล ร่วมกับ 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรมควบคุมมมลพิษ และ กรมอนามัย ณ ห้องประชุมศรีสุลาลัย อาคารศรีสุลาลัย โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ให้ได้สนับสนุนการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม เรื่องเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ โดยสนับสนุนทุนวิจัยแก่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และทีมในการพัฒนาเทคโนโลยีบำบัดยาปฏิชีวนะในน้ำเสียโรงพยาบาล ด้วยกระบวนการโอโซนร่วมกับถ่านกัมมันต์ดัดแปรพื้นผิว ภายใต้การนำของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พีรกานติ์ บรรเจิดกิจ นักวิจัยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พร้อมด้วยทีมนักวิจัยจากศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติและมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งสามารถลดการปนเปื้อนยาในสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งสามารถพัฒนาวิธีวิเคราะห์ยาปฏิชีวนะแต่ละกลุ่ม นับเป็นก้าวแรกของความร่วมมือในการจัดการเชื้อดื้อยา โดยความร่วมมือระหว่าง วช. กรมอนามัย กรมควบคุมมลพิษ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งได้สะท้อนเจตนารมณ์ร่วมกันในการยกระดับผลงานวิจัยและนวัตกรรมด้านการแพทย์การสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ด้วยการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในโรงพยาบาลต้นแบบ และมีโอกาสขยายผลสู่เชิงพาณิชย์เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาได้ภายในประเทศ รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย เพื่อให้คนไทยมีอนามัยสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดี
แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การดื้อยาต้านจุลชีพเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของประชากร เนื่องจากปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข โดยเชื้อดื้อยาสามารถแพร่กระจายระหว่างมนุษย์ สัตว์ อาหาร และสิ่งแวดล้อม กรมอนามัยในฐานะกรรมการในคณะกรรมการนโยบายการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการลดการปนเปื้อนของยาปฏิชีวนะในสิ่งแวดล้อม และความร่วมมือในการวิจัยครั้งนี้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก วช. จึงนับเป็นการวางรากฐานที่สำคัญในการจัดการปัญหาดังกล่าว และสามารถขยายผลเพื่อใช้ประโยชน์ในสถานพยาบาลต่าง ๆ ได้ในอนาคต
นายแพทย์สกล สุขพรหม ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า กล่าวว่า โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า มีเจตนารมณ์ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมควบคู่กับการดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่ โดยให้คำมั่นที่จะบริหารจัดการระบบนวัตกรรมต้นแบบการบำบัดยาปฏิชีวนะในน้ำเสียอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเผยแพร่และขยายผลการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยดังกล่าว อันเป็นผลสัมฤทธิ์ของความร่วมมือในการพัฒนาระบบบำบัดยาปฏิชีวนะในน้ำเสียจากโรงพยาบาล ที่ได้รับจากโครงการวิจัยนี้
ศาสตราจารย์ ดร.วันชัย ยอดสุดใจ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบระบบบำบัดน้ำเสีย ตลอดจนการพัฒนางานวิจัยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านการบำบัดน้ำเสียขั้นสูงและสารมลพิษที่ย่อยสลายได้ยาก รวมถึงยาปฏิชีวนะซึ่งเป็นกลุ่มยาต้านจุลชีพที่พบปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม ดังนั้น จึงมีความจำเป็นในการพัฒนาระบบบำบัดที่มีประสิทธิภาพสูง ควบคู่กับการดูแลรักษาอย่างง่าย เพื่อให้สามารถนำไปใช้ได้จริงในสถานพยาบาลทุกระดับ
ดร.ชานัน ติรณะรัต ผู้อำนวยการกองจัดการคุณภาพน้ำ กรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า ประเทศไทยได้ดำเนินการภายใต้แผนปฏิบัติการด้านการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ ฉบับที่ 2 โดยกรมควบคุมมลพิษทำหน้าที่เป็นกรรมการและเลขานุการร่วมของคณะกรรมการนโยบายการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนแผนดังกล่าว การดื้อยาต้านจุลชีพในประเทศไทยหมายรวมถึงการดื้อของเชื้อแบคทีเรียต่อยาต้านแบคทีเรียหรือยาปฏิชีวนะ โครงการวิจัยนี้จึงมุ่งศึกษาและพัฒนาแนวทางที่เหมาะสมและเชื่อถือได้ ในการวิเคราะห์และควบคุมการปนเปื้อนของยาปฏิชีวนะในน้ำเสียและสิ่งแวดล้อม โดยผลลัพธ์ที่ได้สามารถพัฒนาเป็นต้นแบบขยายผลในอนาคต และเป็นพื้นฐานสำหรับการกำหนดมาตรการและแนวทางการจัดการระดับประเทศต่อไป
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พีรกานติ์ บรรเจิดกิจ หัวหน้าโครงการวิจัย กล่าวว่า การดื้อยาต้านจุลชีพเป็นประเด็นท้าทายร่วมของประชาคมโลก ด้วยเหตุนี้ โครงการ “การบำบัดยาปฏิชีวนะในน้ำเสียโรงพยาบาลโดยใช้กระบวนการร่วมระหว่างโอโซนและถ่านกัมมันต์ที่ดัดแปรพื้นผิว” จึงได้ดำเนินการพัฒนาระบบต้นแบบเชิงนวัตกรรมสำหรับการบำบัดยาปฏิชีวนะในน้ำเสีย โดยมีการติดตั้งระบบต้นแบบ ณ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ซึ่งระบบดังกล่าวทำงานโดยนำน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดเบื้องต้นด้วยระบบชีวภาพเข้าสู่กระบวนการโอโซนร่วมกับถังกรองถ่านกัมมันต์ที่ผ่านการดัดแปรพื้นผิว นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังได้พัฒนาเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตรวจสอบ พร้อมทั้งลดต้นทุน ทำให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในวงกว้าง
ช่วงท้ายของงานแถลงข่าว ได้มีพิธีมอบต้นแบบ “นวัตกรรมในการบำบัดยาปฏิชีวนะ” แก่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า และจากนั้นทางคณะผู้บริหารและผู้ร่วมงาน ได้ร่วมเยี่ยมชมต้นแบบนวัตกรรมการบำบัดยาปฏิชีวนะในนำเสียโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ณ พื้นที่ต้นแบบ พร้อมรับฟังคำอธิบายเชิงเทคนิคจากคณะนักวิจัยที่พัฒนาระบบดังกล่าว